บุหรี่ไฟฟ้านวัตกรรมหรือการทำลายสุขภาพ

 บุหรี่ไฟฟ้านวัตกรรมหรือการทำลายสุขภาพ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้อาจารย์ขออนุญาตนำบทความเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าของผู้อำนวยการมาเผยแพร่ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นประโยชน์มากสำหรับแนวคิดและวิธีการแก้ไขปัญหาการเลิกบุหรี่ รวมไปถึงความตั้งใจจริงที่จะเลิกบุหรี่ของผู้อำนวยการ ซึ่งท่านได้ให้ความสรุปน่าสนใจว่า “คนเราทุกคนคิดทำอะไร...อยู่ที่ใจของเราเป็นใหญ่”



อาจารย์ได้ขออนุญาตผู้อำนวยการ นำบทความนี้เผยแพร่โดยมีความว่า “วิทยาลัยเทคโนโลยีพระรามหก  ต่อต้านการสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543  (ป้ายต่อต้านการสูบบุหรี่ยังติดอยู่)  ผมเคยสูบบุหรี่มาก่อนและเลิกสูบบุหรี่เมื่อต้นปีการศึกษา 2532  สาเหตุทึ่ต้องเลิกเพราะรำคาญตัวเอง  และได้สร้างเหรียญหลวงพ่อแพ  วัดพิกุลทอง  จังหวัดสิงห์บุรี  จะเดินทางไปให้ท่านปลุกเสกก่อนเดินทางไปพบท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า  ถ้าได้พบท่านและท่านทำพิธีพุทธาภิเษกเหรียญให้กลับมาจะเลิกสูบบุหรี่  ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมตั้งใจไว้  เดินทางกลับมาถึงวิทยาลัยเที่ยงคืนพอดี  ผมหยุดสูบบุหรี่ทันที  มีเพื่อนร่วมงานถามว่าเลิกบุหรี่ได้อย่างไร  ผมตอบกลับไปว่า  ถ้าคนเราไม่กลับไปสูบบุหรี่อีกเราก็สามารถที่จะเลิกบุหรี่ได้  คนเราทุกคนคิดทำอะไรอยู่ที่ใจของเราเป็นใหญ่

         ชีวิตของผมรักวิชาชีพครู  เมื่อลูกศิษย์ทำอะไรไม่ถูกต้อง  หรือไม่เหมาะสม  ครูมีหน้าที่คอยอบรมสั่งสอน  ให้เหตุผล  และลูกศิษย์คิดตาม  ก็จะถึงบุญ  บุหรี่เป็นสิ่งเสพติดที่มีขายอยู่ทั่วไป  หาซื้อง่าย  ทุกวันนี้ก่อนลูกศิษย์จะเดินทางเข้าประตูวิทยาลัย  จะต้องถูกตรวจค้นจากครูที่เป็นเวรประจำอยู่หน้าประตูวิทยาลัยตลอดเวลา  รวมทั้งพาหนะที่ขับเข้ามาด้วย  วิทยาลัยจะไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ทุกคนสูบบุหรี่ภายในวิทยาลัย  เพราะเวลาเข้าแถวในตอนเช้าครูได้อบรมพูดเสมอว่าบุหรี่มีพิษมากมาย  ไม่ใช่มีไว้สูบ  ถ้าพบเห็นหรือซุกซ่อนนำเข้ามาจะต้องถูกลงโทษทันที  และหลังจากนั้นจะอบรมต่อไปด้วยว่าคนรุ่นใหม่เขาเลิกสูบบุหรี่กันแล้ว  เพราะบุหรี่มีโทษมากมายเมื่อได้สูบ  ลูกศิษย์ที่ถึงบุญ  พูดสอนไป  มีบางส่วนที่เลิกสูบบุหรี่พอมีให้ได้เห็น

         ที่กล่าวมาทั้งหมดพวกเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  เพราะตราบใดที่โรงงานยาสูบยังตั้งอยู่ในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมาย”

เพราะฉะนั้น หากนักเรียนนักศึกษาที่คิดจะลองหรือกำลังใช้หรือแม้แต่คิดจะเลิกหรือกำลังจะเลิก ไม่ว่าจะธรรมดาหรือไฟฟ้าก็ตาม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสุขภาพเรา มิอาจให้ใครมาช่วยรักษาได้นอกจากตัวเราเอง ใจเราเอง หันหลังให้มันได้เมื่อใด เราจะค้นพบว่า เราได้ชนะตนเองได้ ถึงแม้จะใช้กลวิธีใดใด สุดท้ายก็ใจเราอยู่ดี ขอให้ทุกคนตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยของมันและสามารถเดินออกมาจากมันได้อย่างเข็มแข็งนะคะ ขอขอบพระคุณบทความที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆนี้ของผู้อำนวยการของเรา ดร.พรเลิศ แสงกวีเลิศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีพระรามหก กรุงเทพมหานคร        

บทความโดย  ดร.พรเลิศ แสงกวีเลิศ ผู้อำนวยการ
เรียบเรียงโดย  M.Electronics and computers